1. ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
เราสามารถนำเงินเก็บไปซื้อหุ้นอสังหาริมทรัพย์ โดยพิจารณาจากผลประกอบการ และสภาวะตลาด เราอาจเริ่มต้นซื้อบ้านมือสองที่ราคาไม่แพงมากนัก แต่ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพที่น่าจะมีคนมาเช่า หรือขายออก บ้านหรือที่อยู่มือสองเหล่านี้ หากช่วงที่หลุดจำนองจากธนาคาร ก็จะได้มาเป็นเจ้าของในราคาที่ถูก หรือหากซื้อช่วงที่ราคาตกมาก ๆ แล้วถือไว้สักพักจนถึงช่วงที่เศรษฐกิจดีขึ้น ก็จะทำกำไรได้มากเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เราจะต้องศึกษาที่มาที่ไปของบ้านดี ๆ รวมถึงพิจารณาให้รอบด้านว่า ในทำเลแถวนั้น มีคู่แข่งไหม และสภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงนั้นอยู่ในทิศทางดีขึ้นหรือแย่ลง
DCA ย่อมาจากคำว่า Dollar Cost Average ซึ่งเป็นการลงทุนในหุ้นแบบหัวเฉลี่ย โดยเรากำหนดการลงทุนเป็นงวด ๆ งวดละเท่า ๆ กัน วิธีการนี้จะทำให้เราไม่ต้องวิตกกังวลกับทิศทางหุ้นที่ขึ้น ๆ ลง ๆ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูกราฟหุ้นบ่อย ๆ หรือคนที่ไม่อยากพ่วงอารมณ์ความรู้สึกไปกับกราฟหุ้นมากนัก ข้อดีอีกข้อของการลงทุนแบบนี้ คือ จะเป็นการเฉลี่ยความเสี่ยงให้กับเรา ถึงแม้ว่า ผลตอบแทนอาจจะไม่มากเท่าคนที่เล่นหุ้นตามปกติ แต่ก็ทำให้ลดโอกาสในการขาดทุนได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ในประเทศไทย มีหลาย ๆ ธุรกิจที่มีผลตอบแทนดี และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจเหล่านี้เองที่เป็นที่จับตามองของนักลงทุนหลาย ๆ คน เพราะเพียงแค่ซื้อหุ้นร่วม หรือเป็นพาร์ตเนอร์ด้วย ก็จะสามารถร่วมรับผลตอบแทนที่ธุรกิจนี้ทำได้ หากยังไม่มีธุรกิจใหญ่ ๆ ที่ถูกใจ คุณสามารถร่วมลงทุนธุรกิจกับเพื่อนได้เช่นกัน เพื่อระดมสมอง พัฒนาสินค้าและบริการจากไอเดียของเรา และขายให้แก่ผู้ที่สนใจ จนสามารถทำรายได้มหาศาลแก่ผู้ร่วมลงทุนทุกคน
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา กองทุนรวมเป็นอีกหนึ่งช่องทางการลงทุนที่ได้รับความนิยมมาก ๆ โดยเฉพาะ กองทุน RMF, LTF เพราะมีให้เลือกหลากหลายตามงบประมาณที่เรามี และระยะเวลาที่เราสามารถนำเงินก้อนของเราไปฝากไว้กับกองทุน นอกจากนั้น บางกองทุนสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย เมื่อเปรียบเทียบประเภทการลงทุน กองทุนรวมถือเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างมีความปลอดภัย และได้ผลตอบแทนดี