ต้นเหตุของโรคภัยส่วนใหญ่ล้วนมีที่มาจากพฤติกรรมของเราเป็นสำคัญ ซึ่งหากไม่ได้มีการใส่ใจสุขภาพรอบด้านอย่างสม่ำเสมอก็อาจมีสักวันที่ล้มหมอนนอนเสื่อลงได้ เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้จากพฤติกรรมเล็กอย่างการดื่มน้ำ ซึ่งมักจะถูกมองข้ามได้ง่าย แท้จริงแล้วน้ำสะอาดสำคัญอย่างไร เราควรสังเกตตัวเองอย่างไรว่าได้รับน้ำน้อยเกินไป รวมถึงทริคง่ายๆ ที่ช่วยให้เราดื่มน้ำได้มากขึ้น
น้ำสะอาดสำคัญอย่างไรกับแต่ละช่วงวัย
แน่นอนว่าคนเราคงไม่สามารถดำเนินชีวิตอย่างเป็นปกติหากดื่มน้ำไม่มากพอต่อความต้องการ เพราะอย่างที่เรารู้กันดีแล้วว่าน้ำสะอาดเป็นองค์ประกอบสำคัญของร่างกายที่ทำให้เรายังคงเดินเหินได้อย่างเป็นอิสระ มีพละกำลังและใช้งานสมองได้อย่างเต็มศักยภาพ ถึงแม้อาจจะไม่ได้มีตัวเลขกำหนดอย่างเฉพาะเจาะจงอย่างตายตัวทว่าทุกช่วงวัยย่อมมีความต้องการน้ำที่แตกต่างกันไปตามแต่ละสภาวะร่างกาย ดังนี้
- วัยเด็กเล็ก ในช่วง 6 เดือนแรกทารกดื่มได้แต่นมแม่เท่านั้น สำหรับเด็กเล็กอายุ 12 เดือนขึ้นไปควรดื่มน้ำให้ได้ 950 มิลลิลิตรต่อวันโดยควรจำกัดพวกน้ำหวานหรือน้ำผลไม้ไว้ที่วันละ 1 แก้วเท่านั้น
- วัยโต 19 – 30 ปี ผู้ชายควรดื่มน้ำให้ได้ 7 ลิตรส่วนผู้หญิงควรดื่มให้ได้ 2.7 ลิตร ซึ่งหากผู้หญิงอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 3 ลิตร และเพิ่มมาเป็น 3.7 ลิตรหากกำลังให้นมลูก
- วัยสูงอายุ เป็นวัยที่เสี่ยงต่อการขาดน้ำได้ง่ายกว่าวัยอื่นๆ ด้วยสภาวะร่างกายที่มีการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อและการทำงานของไตที่เสื่อมสภาพลง คนในวัยนี้จึงควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 ลิตร เพราะได้รับน้ำเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะหกล้มและมีอาการท้องผูกน้อยลง
อาการอะไรบ้างที่แปลว่าเราดื่มน้ำน้อยไป
ส่วนใหญ่แล้ว เด็กเล็กและผู้สูงอายุมักเป็นช่วงวัยที่เสี่ยงต่อการมีอาการขาดน้ำได้มากที่สุด ซึ่งมีสาเหตุได้อย่างหลากหลายไม่ว่าจะเกิดจากความป่วยไข้ อาการท้องเสีย อาเจียน การมีเหงื่ออกมากและไม่ได้รับน้ำมาช่วยเติมส่วนที่หายไปอาจจะเพราะไม่รู้ตัวว่ากำลังหิวน้ำหรืออาการหลงลืมทำให้เกิดอาการขาดน้ำในที่สุด สังเกตได้จาก
- ไม่มีการปวดปัสสาวะ หรือ ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม
- รู้สึกวิงเวียน ใจเต้นแรง หายใจถี่เร็ว และอาจเป็นลม
- ผิวหนังมีความแห้งกร้านอย่างมาก
- ในเด็กเล็กอาจมีอาการปากและลิ้นแห้ง ร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
นอกจากเด็กเล็กและผู้สูงอายุแล้ว ผู้ป่วยที่มีอาการไข้หรือเจ็บคอ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ส่งผลให้ปัสสาวะบ่อย หรือ ผู้ที่ใช้แรงทำงานข้างนอกบ้านตลอดวันก็มีโอกาสเสี่ยงกับอาการขาดน้ำได้เช่นกันจึงควรสังเกตอาการตัวเองและดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ
ทริคง่ายๆที่ช่วยให้ดื่มน้ำมากขึ้น
เมื่อขึ้นชื่อว่าน้ำเปล่าแล้วนั้น ความปราศจากรสชาติอาจไม่ได้กระตุ้นต่อมความกระหายได้ดีเท่าไหร่นัก การจะดื่มน้ำให้ได้เพียงพอต่อความต้องการต่อวันอาจจะต้องอาศัยทริคเล็กน้อยเข้ามาเป็นตัวช่วย เช่น
- ใส่ผลไม้รสสดชื่นเช่น เลม่อน มะนาว ส้ม เป็นหนึ่งวิธียอดนิยมเพื่อเพิ่มรสชาติให้กับน้ำดื่ม รสชาติที่ไม่จืดชืดเกินไปจะช่วยให้เราเพลิดเพลินกับการดื่มน้ำมากขึ้น
- ทำให้การดื่มน้ำเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เช่น ฝึกตัวเองให้ดื่มน้ำทันทีหลังออกกำลัง หลังออกกำลังกาย หรือ ทันทีหลังตื่นนอนตอนเช้าเพื่อให้ร่างกายเคยชิน
- ตั้งเวลาดื่มน้ำเพราะการมีเครื่องช่วยเตือนหรือแอปพลิเคชั่นดื่มน้ำต่างๆ จะยิ่งช่วยให้ร่างกายดื่มน้ำได้เหมาะสมกับความต้องการและสามารถคำนวณได้ว่าเราดื่มน้ำมากน้อยเพียงใดในหนึ่งวัน
- พกขวดน้ำติดตัวไปทุกที่ เมื่อมีน้ำดื่มสะอาดอยู่ใกล้ตัวทำให้เราสามารถดื่มน้ำได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ไม่ว่าจะตอนขับรถ ระหว่างเดินทางหรือขณะวิ่งออกกำลังกายนอกบ้าน
- เลือกกินอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ อย่าเพิ่งรีบเขี่ยผักผลไม้ต่างๆ ออกจากจานไม่ว่าจะแตงกวา ผักกาด หรือ แตงโม ก็ล้วนมีองค์ประกอบของน้ำอยู่มาก เป็นอีกหนึ่งวิธีเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกายได้ง่ายๆ
ที่มาข้อมูล