จุดเด่น

เป็นการรวมหนี้บ้าน และหนี้สินเชื่อรายย่อยอื่นๆ ไว้ที่เดียวเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตามมาตรการแก้หนี้ระยะยาวด้วยการรีไฟแนนซ์ (refinance) และการรวมหนี้ (debt consolidation) โดยใช้ประโยชน์จากหลักประกันในส่วนของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่มีเหลืออยู่

จำนวนเงินให้กู้

  • วงเงินให้กู้สูงสุด (LTV) ไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักประกัน โดยยอดหนี้ของสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่น ที่นำมารวมหนี้ เมื่อรวมกับยอดหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย จะต้องไม่เกินกว่ามูลค่าของราคาหลักประกัน

ระยะเวลาชำระเงินกู้

  • ผ่อนนานสูงสุด 40 ปี
กลุ่มลูกค้าที่มีสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
กับธนาคารออมสิน
ต้องการรวมหนี้สินเชื่อรายย่อยประเภทอื่น
กลุ่มลูกค้าที่มีสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
กับสถาบันการเงินอื่น
ต้องการรวมหนี้สินเชื่อรายย่อยประเภทอื่น
ที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุด
ที่เป็นหลักประกันเงินกู้ตามสัญญา
สินเชื่อเคหะเดิม
ที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด

1. สินเชื่อบ้านไม่เพิ่มจากเดิม ยกเว้นกรณีที่มีการรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้าน ให้เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

2. สินเชื่อรายย่อยประเภทอื่นที่นำมารวมหนี้ ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยไม่เกินอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ที่เป็นอัตราดอกเบี้ยช่วงลอยตัวตามสัญญากู้เงิน บวกร้อยละ 2 ต่อปี ตลอดอายุสัญญา

1. ต้องเป็นลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19

2. เป็นลูกหนี้บุคคลธรรมดาที่มีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ผลิตภัณฑ์ที่เข้าเงื่อนไขของมาตรการรวมหนี้กับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ต้องไม่เป็น NPL ปัจจุบันไม่มีหนี้ค้างชำระ และยังคงมีศักยภาพในการชำระหนี้

ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อนุมัติและจัดทำนิติกรรมสัญญาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2566

1. สินเชื่อรายย่อยที่มีอยู่กับธนาคารออมสิน ธนาคารจะไม่นำดอกเบี้ยค้างของสินเชื่อรายย่อยมารวมกับยอดหนี้ ดังนั้น กรณีผู้กู้ต้องการรวมหนี้สินเชื่อรายย่อยดังกล่าว ผู้กู้ต้องชำระดอกเบี้ยค้างชำระ ค่าธรรมเนียม ค่าบริการต่างๆ และเบี้ยปรับในการให้บริการ (ถ้ามี) ให้เสร็จสิ้นก่อนจ่ายเงินกู้

2. สินเชื่อรายย่อยกับสถาบันการเงินอื่น ธนาคารจะทำการรวมหนี้ด้วยวิธีการรวมยอดเงินต้น และดอกเบี้ยทั้งหมด

3. การชำระหนี้แต่ละบัญชีต้องชำระหนี้ปิดบัญชีเท่านั้น ยกเว้น สินเชื่อที่มีลักษณะเป็นเงินหมุนเวียน เช่น บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด เงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี (OD) หากชำระหนี้ได้เพียงบางส่วนจะไม่สามารถเข้าร่วมมาตรการได้

4. กรณีภาระหนี้ส่วนต่างที่ไม่ได้นำมารวมกับการขอสินเชื่อในครั้งนี้ และ/หรือกรณีสินเชื่อที่นำมารวมหนี้ในครั้งนี้ มีส่วนเกินจากวงเงินกู้ที่ได้รับอนุมัติ อาทิเช่น ดอกเบี้ยค้างชำระ ค่าธรรมเนียม ค่าบริการต่างๆ และเบี้ยปรับในการให้บริการ (ถ้ามี) ฯลฯ ผู้กู้จะต้องชำระยอดหนี้ค้างชำระทั้งหมด พร้อมทั้งนำหลักฐานหรือเอกสาร ในการชำระหนี้มาแสดงในวันที่ทำสัญญากู้เงิน

5. ผู้เข้าร่วมโครงการต้องลงนามในสัญญากู้เงิน และจดทะเบียนจำนองหลักประกันตามหลักเกณฑ์ของธนาคาร โดยผู้เข้าร่วมโครงการต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าใช้จ่ายในการประเมินราคาหลักประกัน,ค่าอากรแสตมป์, ค่าใช้จ่ายในการจดจำนอง และอื่นๆ (ถ้ามี)

6. กรณีผู้เข้าร่วมโครงการผิดนัดชำระหนี้ ธนาคารสามารถเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยผิดนัด ค่าบริการ เบี้ยปรับ ที่เกิดจากการผิดนัดได้ รวมทั้งสามารถดำเนินการทางกฏหมายเพื่อบังคับหลักประกันที่จำนองเพื่อชำระหนี้ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ในสัญญากู้เงินและสัญญาจำนอง

หลักเกณฑ์เงื่อนไขอื่นๆ ให้เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด โดยธนาคารขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง หลักเกณฑ์เงื่อนไข โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า