การจัดสรรเวลาเป็นเรื่องสำคัญมาก ปัจจุบันนี้ทำงานหนักอย่างเดียวถือว่าตกเทรนด์ไปแล้ว เราต้องทำงานอย่างฉลาดและมีประสิทธิภาพด้วย (Work Smart) เวลาทำงานก็ต้องได้งานที่ดี แต่เมื่อถึงเวลาพักก็ต้องให้ตัวเองได้พัก หากไม่ยุ่งถึงขั้นไม่มีเวลาแล้วจริงๆ ไม่ควรเอางานมาทำในเวลากินข้าว ส่วนสำหรับคนที่ทำงานที่บ้านอย่างเหล่า
ฟรีแลนซ์ทั้งหลาย แนะนำว่าให้แยกโซนทำงานและพักผ่อนออกจากกัน อย่าทำงานบนเตียงหรือเอกเขนกบนโซฟา เพราะมันจะทำให้คุณผ่อนคลายเกินไปจนทำงานเชื่องช้า ใช้เวลานานแต่งานก็ยังไม่เสร็จ สุดท้ายเราจะจบด้วยการใช้เวลาทั้งวันทำงานปริมาณเท่าหยิบมือ
หยุดนั่งรอช่วงเวลาแห่งความสุขและวิ่งเข้าใส่มันเอง หากชอบใช้เวลากับเพื่อนก็ชวนเพื่อนออกมาแฮงค์เอ้าท์บ้าง หากอยากมีเวลาดีๆ กับครอบครัวก็ลองพากันไปเที่ยวหรือไปกินข้าวหรือทำกิจกรรมร่วมกันดูสิ แม้คุณจะเหนื่อยกับการทำงานมาทั้งสัปดาห์ แต่บางครั้งการนอนแช่พักผ่อนอยู่บ้านก็ไม่ทำให้สดชื่นได้เท่ากับช่วงเวลาดีๆ กับคนดีๆ ที่ช่วยเยียวยาสภาพจิตใจให้กันและกันได้หรอกนะ
การมองหาหัวหน้า รุ่นพี่ในที่ทำงาน หรือเพื่อนร่วมงาน ที่เข้ากันได้เป็นเรื่องที่ควรทำ ในสังคมออฟฟิศที่ต้องพบเจอความกดดันจากการทำงาน การมีหัวหน้าที่สนิทสนมกัน คอยให้คำแนะนำและมีเพื่อนร่วมงานที่ดีคอยช่วยเหลือ ให้กำลังใจ จะช่วยบรรเทาความเครียดและสร้างบรรยกาศการทำงานที่ดีได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ
ทักษะนี้จำเป็นมากสำหรับการจัดระเบียบชีวิตทั้งในและนอกที่ทำงาน แม้จิตใจจะงอแงอยู่แต่สมองเราต้องสั่งการให้ทำกิจกรรมนั้นๆ ต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเราต้องทำอะไรที่เราไม่อยากทำอีกเยอะในชีวิต เช่น คุยโทรศัพท์สายที่ไม่อยากคุย กลั้นใจทำงานรวดเดียวให้จบ ลุกขึ้นจากที่นอนในตอนเช้าไปเผชิญการจราจรติดขัด การซักผ้าในวันเสาร์ ตื่นเช้าวันอาทิตย์เพื่อส่งลูกไปเรียนพิเศษ เป็นต้น
‘งานเสร็จคือนิพพาน’ เมื่ออยู่ในเวลางานขอให้ท่องซะอย่างนี้ คิดซะว่าเป็นเกมอะไรบางอย่างที่เราต้องเอาชนะให้ได้ก็แล้วกัน ตอนนี้อาจจะรู้สึกเหนื่อย แต่เราจะรู้สึกดีเมื่อผ่านมันไปได้ดีในท้ายที่สุด นอกจากนี้ยังไม่ต้องมากังวลเกี่ยวกับงานที่ยังค้างคาในวันหยุดหรือเวลาพักผ่อนของเราด้วย
ชีวิตพลิกผันได้ตลอดเวลา ตอนนี้มีความสุขดีวินาทีถัดไปอาจงานเข้าก็ได้ เย็นนี้วางแผนว่าจะเลิกตรงเวลาเพื่อไปกินข้าวกับแฟน แต่ 5 นาทีก่อนงานเลิกก็ดันมีงานด่วนเข้ามาซะนี่ ชีวิตการทำงานมันก็เหมือนเกมที่เต็มไปด้วยเรื่องไม่คาดคิดให้ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไป มีทั้งช่วงเวลาที่ยิ้มออกและอยากจะร้องไห้ เพราะฉะนั้นอย่าไปคิดมาก อย่าไปยึดติดกับมันนัก มันมาเดี๋ยวมันก็ไป มันไปเดี๋ยวมันก็มา
ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ เราอาจจะโดนหัวหน้า ลูกค้า หรือใครก็ตามต่อว่า แต่หากเราแก้ไขปรับปรุงได้มันก็จะเป็นประโยชน์กับตัวเราเอง ที่สำคัญคือจิตใจที่เข้มแข็งเพื่อยืนหยัดฮึดขึ้นสู้กับปัญหา แม้จะโดนดุว่าแรงขนาดไหน มันก็ไม่ใช่จุดจบของโลกใบนี้ ชีวิตเราไม่ได้มีแค่การทำงาน อย่าปล่อยให้งานมากระทบชีวิตด้านอื่น เช่น งานอดิเรก ชีวิตครอบครัว ความสัมพันธ์กับเพื่อน มากจนเกินไป
ข้อนี้สำคัญมากสำหรับคนที่รักงานจนถึงขั้นบ้างาน คุณต้องไม่ลืมว่าคนใกล้ตัวเราและคนที่แคร์เราเป็นคนสำคัญทั้งสิ้น ยิ่งใกล้ชิดยิ่งต้องแคร์ความรู้สึกกันให้มากขึ้น แม้จะเหนื่อหรืออารมณ์เสียจากการทำงานแค่ไหน แต่เราต้องไม่เอาวันแย่ๆ ในที่ทำงานมาลงกับพวกเขา
เราต้องสวมหมวกหลายใบเหลือเกินในวันหนึ่งๆ ที่อาจต้องมีบุคคลิกอีกแบบ แต่เมื่อถึงเวลาเลิกงาน เราควรกลับมาเป็นตัวของตัวเอง ให้ตัวเองได้ผ่อนคลาย ได้ทำอะไรอย่างที่อยากทำ ถือเป็นการชาร์จพลังงานไว้สู้กับการงานและกิจกรรมต่างๆ ในวันต่อไปอีกด้วย
อย่ากลัวที่จะแสดงความคิดเห็นออกมา ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสไตล์ขององค์กรและหัวหน้าด้วย ว่าอนุญาตให้เราได้แสดงความคิดเห็นมากน้อยแค่ไหน แต่อย่าเป็นคน ‘อะไรก็ได้’ เพราะมันจะทำให้คุณดูเป็นคนไม่มีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง หากคุณมีของดีก็โชว์กึ๋นออกมา เช่นเดียวกันกับชีวิตนอกเหนือจากการทำงาน หากอะไรที่คุณไม่อยากทำก็ให้ปฏิเสธออกมา อย่าเกรงใจเขาจนต้องเอาเวลาที่มีค่ามาทำอะไรที่ไม่อยากทำเลย
————————–